Page 77 - การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับการจัดการปุ๋ยเพื่อการปลูกพืชผักในจังหวัดลำพูน
P. 77
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
64
2.6 ผลผลิตหอมแบ่งเฉลี่ย 2 ปี (พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558)
1) น้ าหนักสดผลผลิตตัดแต่ง
ผลของอัตราการใส่ปุ๋ยเคมี ต่อน้ าหนักสดผลผลิตตัดแต่งของผักคะน้า เฉลี่ย 2 ปี
(พ.ศ. 2557 ถึง พ.ศ. 2558) พบว่าค่าเฉลี่ยน้ าหนักสดผลผลิตผักคะน้าของต ารับการทดลองที่ 1 มีค่า
ต่ าสุด คือ 3,650 กิโลกรัมต่อไร่ แตกต่างกันทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับทุกต ารับการทดลอง โดย
วิธีการที่ 2, 3, 4, 5 และ 6 มีค่า 4,269, 4,535, 4,352, 4,301 และ 4,530 กิโลกรัมต่อไร่ ตามล าดับ
ดังตารางที่ 38
1
ตารางที่ 38 ผลของอัตราการใส่ปุ๋ยเคมี ต่อน้ าหนักสดผลผลิต ของหอมแบ่ง (กิโลกรัมต่อไร่)
เฉลี่ย 2 ปี (พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558)
ต ารับ วิธีการ น้ าหนักสดผลผลิตตัดแต่ง
ที่ (กก./ไร่)
1 ไม่ใส่ปุ๋ย 3,650 b
2 เกษตรกร 4,269 a
3 กรมวิชาการเกษตร 4,535 a
3
4 Uptake N-INS , Critical P, K 4,352 a
5 Uptake+30%uptake 4,301 a
6 LDD soil test kit 4,530 a
2
F - test **
CV (%) 11.43
หมายเหตุ: 1 ค่าเฉลี่ยของ 4 ซ้ า
2
** หมายถึง แตกต่างกันที่ระดับ 0.01
3
INS หมายถึง indigenous N supply หรือ ปริมาณการปลดปล่อยไนโตรเจน
จากอินทรียวัตถุในดิน
จากตารางที่ 38 พบว่า เมื่อวิเคราะห์ดินก่อนปลูกในการปลูกหอมแบ่ง โดยใช้ชุดตรวจดิน
ภาคสนาม สามารถให้ค าแนะน าอัตราการใส่ปุ๋ยเคมี ใกล้เคียงกับค่าวิเคราะห์ดินจากห้องปฏิบัติการที่
กรมวิชาการน ามาให้ค าแนะน าอัตราการใส่ปุ๋ย โดยผลผลิตหอมแบ่งไม่แตกต่างกันทางสถิติ นอกจากนี้
ยังพบว่า การใช้ชุดตรวจดินภาคสนาม สามารถให้ค าแนะน าอัตราการใส่ปุ๋ยเคมี ยังให้ผลผลิตหอมแบ่ง
มากกว่าอัตราการใส่ปุ๋ยตามวิธีของเกษตรกรที่เคยปฏิบัติ