Page 230 - รายงานการจัดการทรัพยากรดินเพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจหลักตามกลุ่มชุดดิน เล่มที่ 1 ดินบนพื้นที่ราบต่ำ

216

5.2 ขาดธาตุอาหารพืชบางธาตุ

5.3 อาจมีน้ําทวมฉับพลันในบริเวณที่อยูริมน้ํา ในฤดูน้ําหลาก

6. การจัดการเพื่อใหเหมาะสมในการปลูกพืช

การจัดการกลุมชุดดินที่ 32 ใหเหมาะสมกับการปลูกพืชนั้น จะตองพิจารณาขอจํากัดตางๆ ที่ได

กลาวมาแลว และเลือกวิธีการใชที่ดินใหสอดคลองกับศักยภาพของดิน ซึ่งสรุปไดดังนี้

6.1 เลือกพืชใหเหมาะสม โดยพิจารณาเลือกชนิดของพืช ใหเหมาะกับสภาพพื้นที่และศักยภาพ
ของดิน สําหรับกลุมชุดดินนี้มีศักยภาพเหมาะสมในการทําสวนไมผล กาแฟ พืชผักและยางพารา นอกจากนี้

ยังสามารถปลูกพืชอายุสั้น เชน ถั่วเขียว ขาวโพด และพืชผักตางๆ ไดดวย อยางไรก็ตามควรนําพืชบํารุงดิน

มาปลูกสลับกับพืชหลัก เพื่อชวยปรับปรุงความอุดมสมบูรณของดิน

6.2 แกปญหาการขาดแคลนน้ํา ควรจัดหาแหลงน้ําใหเพียงพอตลอดฤดูการเพาะปลูก

6.3 ปรับปรุงสมบัติทางกายภาพของดิน การปรับปรุงใหดินมีความรวนซุย เหมาะแกการปลูกพืช

ไรและพืชผัก โดยการใสปุยอินทรีย เชน 1) ใสปุยคอกหรือ ปุยหมักอัตรา 1.5-2.0 ตัน/ไร 2) ใสวัสดุปรับปรุง
ดิน ไดแก เปลือกถั่วลิสง แลวพรวนลงไปในดิน หรือ 3) ทําปุยพืชสดโดยการปลูกพืชตระกูลถั่ว เชน ปอเทือง

หรือโสนอัฟริกัน แลวไถกลบเมื่อออกดอก จะชวยทําใหดินรวนซุย

6.4 ปรับปรุงความอุดมสมบูรณของดิน ซึ่งทําไดหลายวิธี ดังตอไปนี้

6.4.1 ปลูกพืชหมุนเวียนที่มีพืชตระกูลถั่วสอดแทรกอยูในระบบการปลูกพืชหลัก เพื่อเพิ่มความอุดม

สมบูรณไหแกดิน และเพิ่มผลผลิตของพืชหลักดวย

6.4.2 ปลูกพืชปุยสดแลวไถกลบลงไปในดิน เพื่อปรับปรุงสมบัติทางกายภาพและความอุดม
สมบูรณของดิน ปุยพืชที่แนะนําใหปลูกเปนพืชตระกูลถั่ว เชน ปอเทือง โสนอัฟริกัน และถั่วตางๆ โดยปลูก

กอนการปลูกพืชหลัก 2-3 เดือน แลวไถกลบเมื่อพืชปุยสดออกดอก วิธีการนี้นอกจากจะชวยเพิ่มผลผลิตของ

พืชหลักแลว ยังทําใหความอุดมสมบูรณของดินสูงขึ้นดวย

6.4.3 ใชปุยอินทรียรวมกับปุยเคมีตามความเหมาะสม สําหรับสูตร อัตราและวิธีการใชปุยเคมี

ขึ้นอยูกับชนิดของพืชที่ปลูก ซึ่งกลาวไวในหัวขอที่ 9

7. ขอเสนอแนะ

กลุมชุดดินนี้มีศักยภาพเหมาะสมในการทําสวนผลไม กาแฟและยางพารา อาจปลูกพืชไรอายุสั้น

และพืชผัก ในชวงฤดูแลงหากอยูใกลแหลงน้ําธรรมชาติ แตเพื่อใหการใชที่ดินมีผลดีที่สุด เกษตรกรควรใช

ระบบเกษตร แบบไรนาสวนผสม โดยแบงการใชที่ดินออกเปนสวนๆ ดังนี้ คือ 1) พื้นที่ปลูกพืชไรอายุสั้น ไม