Page 11 - แนวทางการส่งเสริมการเกษตรที่เหมาะสมตามฐานข้อมูลแผนที่เกษตรเชิงรุก Agri-Map จังหวัดชัยภูมิ
P. 11
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
4
1.6 พื้นที่ชลประทาน
จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ชลประทาน 172,950 ไร่ (ร้อยละ 2.17 ของพื้นที่จังหวัด) กระจายอยู่ใน
8 อําเภอ มีอ่างเก็บน้ําที่สําคัญ 7 อ่าง มีศักยภาพในการเก็บกักน้ําได้รวม 257.97 ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ําที่สําคัญ คือ อ่างเก็บน้ําจุฬาภรณ์ มีระดับน้ํากักเก็บอยู่ที่ 164 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น
ร้อยละ 64 ของน้ําเก็บกักของอ่างเก็บน้ําในจังหวัดชัยภูมิ (ตารางผนวกที่ 2 และตารางผนวกที่ 3)
1.7 เขตปฏิรูปที่ดิน
เขตปฏิรูปที่ดินในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ 1,621,120 ไร่ (ร้อยละ20.30 ของพื้นที่จังหวัด)
โดยอําเภอที่มีพื้นที่เขตปฏิรูปมากที่สุด ได้แก่ อําเภอเทพสถิต อําเภอหนองบัวแดง อําเภอหนองบัวระเหว
ตามลําดับ (ตารางผนวกที่ 4)
1.8 การขึ้นทะเบียนเกษตรกร
จากฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร จังหวัดชัยภูมิ มีการขึ้นทะเบียน
เกษตรกรผู้ปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ทั้งหมดในปี 2563 จํานวน 74,171 ราย รวมพื้นที่ 767,604 ไร่
กิจกรรมที่มีพื้นที่ปลูกมาก ได้แก่ ข้าว มันสําปะหลังโรงงาน อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา
ตามลําดับ (ตารางผนวกที่ 5)
ทะเบียนเกษตรพืชสมุนไพร จากฐานข้อมูลกลาง (Farmer One) ของสํานักงานเศรษฐกิจ
การเกษตร เกษตรกรได้ขึ้นทะเบียนปลูกพืชสมุนไพรในจังหวัดชัยภูมิ พื้นที่ 463 ไร่ เกษตร 30 ราย
มีพืชสมุนไพรหลัก 13 ชนิด พืชสมุนไพรที่มีการปลูกมาก ได้แก่ พริกไทย ว่านหางจระเข้ ไพล ตะไคร้หอม
ตามลําดับ (ตารางผนวกที่ 6)
1.9 ที่ตั้งโรงงานและแหล่งรับซื้อสินค้าเกษตร
จังหวัดชัยภูมิมีแหล่งรับซื้อสินค้าเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่สําคัญ จํานวน 142 แห่ง
และมีโรงงานทางการเกษตร 93 แห่ง โดยมีที่ตั้งสหกรณ์การเกษตรมากที่สุด 60 แห่ง (ตารางผนวกที่ 7)
2. การวิเคราะห์พืชเศรษฐกิจหลัก
พืชเศรษฐกิจที่สําคัญพิจารณาจากพืชที่มีพื้นที่ปลูกมากและมีมูลค่าการส่งออกหรือแปรรูป
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศพืชเศรษฐกิจ 13 ชนิดพืช ได้แก่ ข้าว มันสําปะหลัง ยางพารา
ปาล์มน้ํามัน อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สับปะรดโรงงาน ลําไย เงาะ ทุเรียน มังคุด มะพร้าว และ
กาแฟ จากพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจดังกล่าว กรมพัฒนาที่ดินได้กําหนดระดับความเหมาะสมของพื้นที่ปลูก
รายจังหวัด โดยวิเคราะห์จากสภาพพื้นที่ ลักษณะของดิน ปริมาณน้ําฝน แหล่งน้ําชลประทานร่วมกับ
การจัดการพื้นที่และลักษณะรายพืช โดยแบ่งระดับความเหมาะสม เป็น 4 ระดับ ได้แก่
ระดับที่ 1 เป็นพื้นที่ความเหมาะสมสูง (S1) การปลูกพืชให้ผลตอบแทนสูง
ระดับที่ 2 เป็นพื้นที่ความเหมาะสมปานกลาง (S2) การปลูกพืชให้ผลตอบแทนสูง แต่พบข้อจํากัด
บางประการซึ่งสามารถบริหารจัดการได้
ระดับที่ 3 เป็นพื้นที่ความเหมาะสมเล็กน้อย (S3) มีข้อจํากัดบางประการของดินและน้ํา ส่งผลให้
การผลิตพืชให้ผลตอบแทนต่ํา การใช้พื้นที่ต้องใช้ต้นทุนสูงในการจัดการ และมีความเสี่ยงจากน้ําท่วม
และขาดน้ํา
ระดับที่ 4 เป็นพื้นที่ไม่เหมาะสม (N)