Page 18 - แผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ลุ่มน้ำห้วยศาลจอด อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
P. 18

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

                                                          2



                                1










                    ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เกษตรกรท าการเกษตรอาศัยน้ าฝน คิดเป็นร้อยละ 37ของ

               พื้นที่ประเทศ โดยมีพื้นที่เกษตรน้ าฝน 119 ล้านไร่ซึ่งเป็นแหล่งที่ปลูกพืชเศรษฐกิจที่ส าคัญของประเทศ
               ได้แก่ ข้าว 49.24 ล้านไร่ อ้อย 11.47 ล้านไร่ มันส าปะหลัง 10.84 ล้านไร่ ข้าวโพด 6.40ล้านไร่ ไม้ผล

               11.10 ล้านไร่ สวนผัก 4.19 ล้านไร่ และ ยางพารา 25.78 ล้านไร่ (กรมพัฒนาที่ดิน,2558) พื้นที่ดังกล่าว

               มักประสบปัญหาขาดแคลนน้ าในฤดูแล้ง ท าให้การใช้ประโยชน์ทรัพยากรดินได้ไม่เต็มศักยภาพ จ าเป็นต้อง
               ได้รับการพัฒนาแหล่งน้ าให้พอเพียงกับความต้องการของเกษตรกรประกอบกับในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้น

               ที่ดินปัญหาทางการเกษตรกรรม โดยสามารถจ าแนกตามสาเหตุของการเกิดได้ 2 ประเภท คือ 1) ดิน

               ปัญหาที่เกิดตามสภาพธรรมชาติ มีเนื้อที่รวม 60 ล้านไร่ ได้แก่ดินอินทรีย์ 0.34 ล้านไร่ ดินเปรี้ยวจัด 5.42
               ล้านไร่ ดินทรายจัด 11.86 ล้านไร่ ดินตื้น 38.19 ล้านไร่ ดินเค็ม 4.20ล้านไร่ (บางพื้นที่พบคราบเกลือและ

               มีผลกระทบจากคราบเกลือมีเนื้อที่ 11.50 ล้านไร่) และ 2) ดินปัญหาที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ที่ดิน เช่น

               ดินดาน ดินปนเปื้อน ดินเหมืองแร่ร้าง เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีดินที่มีปัญหาเล็กน้อยที่เป็นข้อจ ากัดทาง
               การเกษตร เช่น ดินกรด ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ า เป็นต้น (กรมพัฒนาที่ดิน, 2561) ปัญหาทรัพยากร

               ดินดังกล่าวกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศและเป็นปัจจัยส าคัญที่ท าให้พื้นที่เกษตรน้ าฝนไม่สามารถก่อสร้าง
               แหล่งน้ าขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณจ านวนมากในการวางระบบเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดิน

               เกิดเพิ่มมากขึ้นจนก่อความเสียหายในวงกว้างไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

                    ปัญหาส าคัญอีกประการหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมในปัจจุบันเกิดจากการใช้ที่ดินและ
               การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นการเร่งให้เกิดกระบวนการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่

               เกษตรกรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการชะล้างพังทลายของดินเกิดจากกระบวนการที่ส าคัญคือ
               กระบวนการแตกกระจาย เมื่อเม็ดฝนตกลงมากระทบกับก้อนดินท าให้ก้อนดินแตกเป็นเม็ดดินเล็ก ๆ

               ภายหลังที่เม็ดฝนกระทบก้อนดินแล้วน้ าบางส่วนก็จะไหลซึมลงไปในดิน เมื่อดินอิ่มตัวจนน้ าไม่สามารถจะ

               ไหลซึมไปได้อีกแล้ว ก็จะเกิดน้ าไหลบ่าพัดพาเอาก้อนดินเล็ก ๆ ที่แตกกระจายอยู่บนผิวดินไปด้วยและพัด
               พาไป และการตกตะกอนทับถม เม็ดดินที่ถูกพัดพาไปกับน้ าจะไหลลงสู่พื้นที่ต่ า ท าให้เกิดการสะสมตะกอน

               ของดินในที่ลุ่มต่ า การชะล้างพังทลายของดิน เกิดจากสาเหตุใหญ่ 2 ประการ คือ 1) การชะล้างพังทลาย

               โดยธรรมชาติ เป็นการชะล้างพังทลายซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีทั้งน้ าและลมเป็นตัวการ เช่น การพัด
               พาโดยลมตามชายฝั่งทะเลหรือในทะเลทราย การพัดพาดินแบบนี้เป็นแบบที่ป้องกันไม่ได้ และถ้าเกิดมักใช้

               เวลานาน เป็นการเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปและช้ามาก และ 2) การชะล้างพังทลายโดยมีตัวเร่งที่มีมนุษย์
               หรือสัตว์เลี้ยงเข้ามาช่วยเร่งให้มีการกัดกร่อนเพิ่มขึ้นจากการชะล้างพังทลายโดยธรรมชาติ เช่น การหักล้าง
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23