Page 108 - แนวทางการลดต้นทุนในการผลิตยางพาราที่ปลูกในพื้นที่เขตความเหมาะสมปานกลาง (S2) จังหวัดตราด
P. 108
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
90
ยังดินชั้นล่างมีน้อย น้่าส่วนใหญ่จะไหลบ่าผ่านผิวดินไปยังที่ต่่ากว่า ท่าให้ดินแห้งและไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช
2. ชั้นมาตรฐานความอุดมสมบูรณ์ของดิน
VH = ความอุดมสมบูรณ์สูงมาก มีปริมาณอินทรียวัตถุมากกว่า 4.5 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณไนโตเจน
มากกว่า 0.75 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัสมากกว่า 45 ppm. และปริมาณโพแทสเซียมมากกว่า120 ppm.
H = ความอุดมสมบูรณ์สูง มีปริมาณอินทรียวัตถุ 3.5 -4.5เปอร์เซ็นต์ ปริมาณไนโตเจน 0.5 -0.75
เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัส 25-45 ppm. และปริมาณโพแทสเซียม 90-120 ppm.
M = ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง มีปริมาณอินทรียวัตถุ 1.5 -2.5เปอร์เซ็นต์ ปริมาณไนโตเจน 0.2 -
0.5 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัส 10-15 ppm. และปริมาณโพแทสเซียม 60-90 ppm.
L = ความอุดมสมบูรณ์ต่่า มีปริมาณอินทรียวัตถุ 0.5 -1.0เปอร์เซ็นต์ ปริมาณไนโตเจน 0.1 -0.2
เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัส 3 -6 ppm. และปริมาณโพแทสเซียม 30 -60 ppm.
VL = ความอุดมสมบูรณ์ต่่ามาก มีปริมาณอินทรียวัตถุน้อยกว่า 0.5 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณไนโตเจนน้อย
กว่า 0.1 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัสน้อยกว่า 3 ppm. และปริมาณโพแทสเซียมน้อยกว่า 30 ppm.
3. ชั้นมาตรฐานสภาวะการเขตกรรม
1 = การเขตกรรมง่าย ดินมีการเกาะตัวอย่างหลวมๆ ร่วนซุย เนื้อดินเป็นทราย
2 = การเขตกรรมปานกลาง ดินมีการเกาะตัวค่อนข้างดี เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย
3 = การเขตกรรมยาก ดินมีการเกาะดี เนื้อดินเป็นดินร่วนเหนียวปนทรายถึงดินเหนียว
4 = การเขตกรรมยากมาก ดินมีการเกาะตัวดีมาก เนื้อดินเป็นดินเหนียวจัด
4. ชั้นมาตรฐานความลาดชัน
A = สภาพพื้นที่ราบเรียบ ความลาดชัน 0-2 เปอร์เซ็นต์
B = สภาพพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย ความลาดชัน 2-5 เปอร์เซ็นต์
C = สภาพพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาด ความลาดชัน 5-12 เปอร์เซ็นต์
D = สภาพพื้นที่ลูกคลื่นลอนชัน ความลาดชัน 12-20 เปอร์เซ็นต์ 408