Page 46 - การวิเคราะห์ปัจจัยทางกายภาพและคุณภาพที่ดินสำหรับการวางแผนการใช้ที่ดินระดับลุ่มน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำสาขาลำเชิงไกร
P. 46
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
33
1.2) ชั้นหินอุ้มน้้าหินชุดโคกกรวด (Khok Kruat Aquifers : Kk ) ลักษณะปิดทับ
ด้วยชั้นบางๆ ของกรวดทรายและดินเหนียว โดยประกอบไปด้วยหินทรายแป้งหินดินดาน บางส่วนมี
หินทรายเม็ดละเอียด
1.3) ชั้นหินอุ้มน้้าหินชุดภูพาน (Phu Phan Aquifers : Pp) เป็นหินทรายเนื้อหยาบ
กว่าหน่วยหินพระวิหาร แต่เป็นหินทรายที่มีความแข็งแกร่งทนทาน เช่นเดียวกัน ดังนั้น หินทั้งสอง
หน่วยนี้จะพบอยู่ตอนบนสุดของภูเขาหินทรายทั่วไปในภาคอีสาน มีสารคารบอเนต และแรไมกาปน
มากกว่าหน่วยหินพระวิหาร บางครั้งพบกรวดปนมีสีเทา เหลือง ส้มอ่อน ชมพู และแดงอ่อน มีความ
หนาประมาณ 1-183 เมตร
1.4) ชั้นหินอุ้มน้้าหินชุดมหาสารคาม (Maha Sarakham Aquifers : Ms) มีลักษณะ
ปิดทับด้วยชั้นบางๆ ของกรวดทรายและดินเหนียว โดยประกอบไปด้วยหินทรายแป้งหินดินดาน
บางส่วนมีหินทรายเม็ดละเอียด จะมีชั้นของเกลือหินอยู่ด้านล่าง ฉะนั้น การพัฒนาน้้าบาดาลควรจะมี
ความลึกประมาณ 15-40 เมตร ถ้าลึกมากกว่านี้ โอกาสที่จะได้น้้าเค็มจะสูงปริมาณน้้า โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่
2-10 บาศก์เมตรต่อชั่วโมง บางพื้นที่จะมีปริมาณน้อยกว่า 2 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่บาง
แห่งจะมีปริมาณ 10-20 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หรือสูงมากกว่า 20 ลูกบาศก์เมตรต่อเซนติเมตร
คุณภาพน้้าส่วนใหญ่จะจืดบางพื้นที่คุณภาพน้้าจะกร่อยหรือเค็ม ซึ่งจะปรากฏกระจายเป็นหย่อมอยู่
ทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นที่ลุ่ม หรือที่ต่้า
2) คุณภาพน้้าใต้ดินและศักยภาพในการพัฒนาน้้าใต้ดิน
ในการศึกษาคุณภาพน้้าใต้ดินของลุ่มน้้าสาขาล้าเชิงไกร พิจารณาจากอัตราการให้น้้า (yield)
และปริมาณของแข็งที่ละลายเจือปนอยู่ในน้้าซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (TDS) ดังตารางที่ 7
เพื่อหาเนื้อที่ที่ควรส่งเสริมให้มีการจัดการน้้าและการพัฒนาน้้าใต้ดินให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อ
การท้าการเกษตร และการอุปโภคบริโภค กรมทรัพยากรน้้าบาดาล (2558)ได้ด้าเนินการส้ารวจและ
ตรวจพบว่ามีพื้นที่ที่มีอัตราการให้น้้า อยู่ในช่วง 5-10 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง มีเนื้อที่มากที่สุดในพื้นที่
ลุ่มน้้าล้าเชิงไกร จ้านวน 709,567 ไร่ หรือร้อยละ 38.39 ของลุ่มน้้าสาขา และก็พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมี
ปริมาณของแข็งที่ละลายเจือปนอยู่ในน้้าซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าที่มากกว่า 1,500 มิลลิกรัมต่อลิตร
ซึ่งสามารถน้าน้้ามาใช้เพื่อการเกษตรมากกว่าการใช้เพื่ออุปโภค หากน้ามาบริโภคจะต้องผ่านการ
ตรวจสอบอย่างละเอียดตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก้าหนดหลักเกณฑ์
และมาตรการส้าหรับการป้องกันด้านสาธารณสุขและการป้องกันในเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ พ.ศ. 2551
(ราชกิจจานุเบกษา, 2551)
เมื่อพิจารณาร่วมกับแผนที่อุทกธรณีวิทยา ซึ่งเป็นแผนที่ที่อธิบายลักษณะชั้นหินอุ้มน้้า
จะเห็นได้ว่าบริเวณพื้นที่ที่มีอัตราการให้น้้า อยู่ในช่วง 5-10 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง อยู่ในบริเวณ
ชั้นหินอุ้มน้้าชุดมหาสารคามเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบริเวณนี้พบชั้นของเกลือหินอยู่ด้านล่าง ฉะนั้นการ
พัฒนาน้้าบาดาลควรจะมีความลึกประมาณ 15-40 เมตร ถ้าลึกมากกว่านี้ โอกาสที่จะได้น้้าเค็มจะสูง
เกษตรกรบางรายได้ด้าเนินการขุดไปแล้วพบว่าฤดูแล้งจะท้าให้น้้าบริเวณดังกล่าวมีรสกร่อยและเค็ม