Page 63 - การใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในดินทรายชายทะเลเพื่อปลูกคะน้าในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
P. 63
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
52
ใช้ปุ๋ยเคมีตามที่กรมวิชาการเกษตรแนะน าคือสูตร 20-11-11 จ านวน 100 กิโลกรัมต่อไร่ จะมี
ปริมาณธาตุฟอสฟอรัสและปริมาณโพแทสเซียมหลังการทดลองสูงที่สุด โดยก่อนการทดลองจะมี
ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม 240 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และ 17.40 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ตามล าดับ และหลังการทดลองจะมีฟอสฟอรัสในดิน 673.40 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และโพแทสเซียม
ในดิน 32.02 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนในต ารับการทดลองอื่น ๆ จะมีระดับฟอสฟอรัสและ
โพแทสเซียมในดินหลังการทดลองใกล้เคียงกันกับปริมาณก่อนการทดอง ปริมาณค่าพีเอช ของดิน
ก่อนการทดลองอยู่ที่ 4.8 ซึ่งอยู่ในระดับเป็นกรดจัด หลังจากด าเนินการทดลองพบว่าทุกต ารับการ
ทดลองสามารถท าให้ดินมีปริมาณค่าพีเอชดินเพิ่มขึ้นได้ โดยทุกต ารับการทดลองสามารถท าให้ค่าพีเอช
ของดินอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5 แม้แต่ต ารับการทดลองที่ 1 ซึ่งเป็นต ารับ
ควบคุม แสดงให้เห็นว่าการด าเนินกิจกรรมทางการเกษตร เช่น การปลูกพืช จะท าให้มีค่าพีเอชในดิน
เพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าจะไม่มีการใส่ปุ๋ยใด ๆ ซึ่งอาจเกิดจากการหลงเหลือของเศษซากพืช ซึ่งส่งผลต่อการ
เพิ่มค่าพีเอช ในดิน ซึ่งจะดีกว่าการปล่อยให้เป็นพื้นที่ว่างเปล่า ในส่วนของค่าการน าไฟฟูาจะพบว่าทุก
ต ารับการทดลองมีปริมาณค่าความน าไฟฟูาอยู่ในระดับที่สูงขึ้นใกล้เคียงกันกับค่าการน าไฟฟูาก่อน
การทดลอง ซึ่งมีค่าเท่ากับมีค่าเท่ากับ 0.17 เดซิซีเมนต่อเมตร โดยในต ารับการทดลองที่ 4 คือ การ
ใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงสูตรไนโตรเจน 600 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับ ปุ๋ยเคมีสูตร 0-0-60 จ านวน 5
กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งเป็นต ารับการทดลองที่มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง ในปริมาณที่มากที่สุด จะท าให้
มีปริมาณค่าความน าไฟฟูาเหลืออยู่ในดินหลังการทดลองมากที่สุด คือที่ 0.43 เดซิซีเมนต่อเมตร
2.3 ในส่วนของการเจริญเติบโตของผักคะน้าพบว่าต ารับการทดลองที่ 8 คือการใส่
ปุ๋ยเคมีสูตร 20-11-11 จ านวน 25 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงสูตรไนโตรเจน
จ านวน 50 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงสูตรฟอสฟอรัส จ านวน 25 กิโลกรัมต่อไร่ จะ
ท าให้ได้น้ าหนักสด และความสูงของต้นมากที่สุด ตั้งแต่เริ่มการทดลองในปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 โดยมีน้ าหนัก
395.2 356.8 และ 402.5 กิโลกรัมต่อไร่ ตามล าดับ มีความสูงของต้นมากที่สุดที่ 10.1 เซนติเมตร
และทุกต ารับการทดลองจะพบว่าในปีที่สุดท้ายจะมีการเพิ่มขึ้นของน้ าหนักสด และความสูงของต้น
ผักคะน้าทุกต ารับการทดลอง ส่วนความกว้างใบ และจ านวนใบของผักคะน้าพบว่า ทุกต ารับการ
ทดลองจะมีขนาด และจ านวนใบที่ใกล้เคียงกัน
2.4 จากคุณสมบัติของดิน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพผักคะน้าที่เหมาะสมพอที่จะน า
ออกจ าหน่ายได้ แม้ว่าในปีสุดท้ายทุกต ารับการทดลองจะสามารถท าให้ ได้ผักคะน้าที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
แต่ก็พบว่ายังมีขนาดที่ไม่ดีเท่าที่ควร คือมีขนาดเล็กกว่าผักคะน้าที่จ าหน่ายทั่วไปในท้องตลาด พบว่า
ต ารับการทดลองที่ 8 คือการใส่ปุ๋ยเคมี 20-11-11 จ านวน 25 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์
คุณภาพสูงสูตรไนโตรเจน จ านวน 50 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงสูตรฟอสฟอรัส
จ านวน 25 กิโลกรัมต่อไร่ จะให้ผลผลิตต่อไร่คิดเป็นน้ าหนักมากที่สุด คือ 376 กิโลกรัม ท าให้มีราคา
ที่ขายได้มากที่สุดที่ 10,904 บาท ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วจะท าให้เหลือเงินมากที่สุดคือ
6,147 บาท ซึ่งปัจจัยหลักที่ท าให้เหลือเงินสุทธิน้อยลงก็คือ ค่าวัสดุปุ๋ย
2.5 จากการทดสอบการใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงเพื่อปรับสภาพดินทราย พบว่าการ
ใส่ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงสามารถท าให้ดินทรายมีคุณสมบัติทางกายภาพ และทางเคมีที่สูงขึ้น
โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในต ารับการทดลองที่ 4 ซึ่งเป็นอัตราการใช้ปุ๋ยของกรมพัฒนาที่ดิน และ