Page 68 - การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับการจัดการปุ๋ยเพื่อการปลูกพืชผักในจังหวัดลำพูน
P. 68
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
55
2.3 ผลผลิตผักคะน้าเฉลี่ย 2 ปี (พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558)
1) น้ าหนักสดผลผลิตตัดแต่ง
ผลของอัตราการใส่ปุ๋ยเคมี ต่อน้ าหนักสดผลผลิตตัดแต่ง ของผักคะน้า เฉลี่ย 2 ปี
(พ.ศ. 2557 ถึง พ.ศ. 2558) พบว่าค่าเฉลี่ยน้ าหนักสดผลผลิตผักคะน้าของต ารับการทดลองที่ 1 มีค่า
ต่ าสุด คือ 1,793 กิโลกรัมต่อไร่ แตกต่างกันทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับทุกต ารับการทดลอง โดย
วิธีการที่ 2, 3, 4, 5 และ 6 มีค่า 2,571, 3,445, 3,175, 3,625 และ 3,403 กิโลกรัมต่อไร่ ตามล าดับ
ดังตารางที่ 31
1
ตารางที่ 31 ผลของอัตราการใส่ปุ๋ยเคมี ต่อน้ าหนักสดผลผลิตตัดแต่ง ของผักคะน้า (กิโลกรัมต่อไร่)
เฉลี่ย 2 ปี (พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558)
ต ารับ วิธีการ น้ าหนักสดผลผลิตตัดแต่ง
ที่ (กก./ไร่)
1 ไม่ใส่ปุ๋ย 1,793 c
2 เกษตรกร 2,571 b
3 กรมวิชาการเกษตร 3,445 a
3
4 Uptake N-INS , Critical P, K 3,175 ab
5 Uptake + 30%uptake 3,625 a
6 LDD soil test kit 3,403 a
2
F - test **
CV (%) 18.76
หมายเหตุ: 1 ค่าเฉลี่ยของ 4 ซ้ า
2
** หมายถึง แตกต่างกันที่ระดับ 0.01
3
INS หมายถึง indigenous N supply หรือ ปริมาณการปลดปล่อยไนโตรเจน
จากอินทรียวัตถุในดิน
จากตารางที่ 31 พบว่า เมื่อวิเคราะห์ดินก่อนปลูกในการปลูกผักคะน้า โดยใช้ชุดตรวจดิน
ภาคสนาม สามารถให้ค าแนะน าอัตราการใส่ปุ๋ยเคมี ใกล้เคียงกับค่าวิเคราะห์ดินจากห้องปฏิบัติการที่
กรมวิชาการน ามาให้ค าแนะน าอัตราการใส่ปุ๋ย โดยผลผลิตผักคะน้าไม่แตกต่างกันทางสถิติ นอกจากนี้
ยังพบว่า การใช้ชุดตรวจดินภาคสนาม สามารถให้ค าแนะน าอัตราการใส่ปุ๋ยเคมี ยังให้ผลผลิตผักคะน้า
มากกว่าอัตราการใส่ปุ๋ยตามวิธีของเกษตรกรที่เคยปฏิบัติ โดยมีความแตกต่างกันทางสถิติ