Page 49 - การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับการจัดการปุ๋ยเพื่อการปลูกพืชผักในจังหวัดลำพูน
P. 49
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
36
ส่วนการเปรียบเทียบปริมาณโพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ในดินก่อนปลูกและดิน
หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตของแปลงปลูกหอมแบ่ง พ.ศ. 2558 พบว่าในต ารับการทดลองที่ 1-5 มีปริมาณ
โพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ในดินหลังเก็บเกี่ยวมีค่าลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับดินก่อนปลูก
ส่วนในต ารับการทดลองที่ 6 ปริมาณโพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ดัง
ตารางที่ 12 และตารางที่ 13
ดังนั้น ในต ารับการทดลองที่ 6 ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ และปริมาณ
โพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ทั้งในดินก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว
ผลผลิต สามารถกล่าวได้ว่าปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ และปริมาณโพแทสเซียมที่
สามารถแลกเปลี่ยนได้ไม่ผันแปรตามอัตราการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสโพแทสเซียม สอดคล้องกับรายงาน
ของปวีณา (2551) ที่ได้ศึกษาสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินและการจัดการปุ๋ยเคมีอย่าง
เหมาะสมในการปลูกผักบนพื้นที่สูง พบว่า ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ และปริมาณ
โพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้อยู่ในระดับสูงมาก (>100 mg P/kg และ >300 mg K/kg)
และใช้พื้นที่ดังกล่าวท าการทดลองการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินเปรียบเทียบกับการใส่ปุ๋ยเคมี
แบบต่าง ๆ ผลการทดลองพบว่า วิธีการใส่ปุ๋ยในอัตราที่ได้จากการประเมินปริมาณธาตุอาหารที่มี
อยู่ในดินร่วมกับปริมาณธาตุอาหารที่สะสมอยู่ในผลผลิตผัก ให้ผลผลิตไม่แตกต่างจากวิธีการใส่ปุ๋ย
N, P และ K ตามอัตราของศูนย์/สถานีและเกษตรกร แต่วิธีการใส่ปุ๋ยดังกล่าวสามารถลดต้นทุน
การใช้ปุ๋ยเคมีได้ถึง 63–95 % ของต้นทุนการผลิตของวิธีการใส่ปุ๋ย N, P และ K
ก่อนปลูก หลังเก็บเกี่ยวผลผลิต
7.0 6.06.0 6.1 6.1 6.1 6.06.0
5.9 5.8 6.0 5.9 6.0
6.0
5.0
pH 4.0
3.0
2.0
1.0
0.0
1 2 3 4 5 6
ต ารับการทดลอง
ภาพที่ 7 เปรียบเทียบค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH) ของดินก่อนปลูกและหลังเก็บเกี่ยว
ผลผลิตของแปลงปลูกหอมแบ่ง พ.ศ. 2558