Page 44 - มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมในการปลูกข้าวไร่บนพื้นที่สูงในเขตพัฒนาที่ดินลุ่มน้ำแม่จันตอนบน ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
P. 44

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
                                                                                                       34







                       ขอบเขาในแนวดิ่ง 4  เมตร (V.I.=4  ม.),  วิธีการที่ 1  ปลูกข้าวไร่ ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ า,  และ
                       วิธีการที่ 5. ปลูกข้าวไร่ มีแถบหญ้าแฝก ที่ระยะห่างคูรับน้ าขอบเขาในแนวดิ่ง 8 เมตร (V.I.=8 ม.) มี
                       ค่าเท่ากับ  275.67, 262.00, 253.67, 241.00, 239.00 และ 237.67 กิโลกรัม/ไร่ ตามล าดับ
                              ปี 2559 มีค่าปริมาณผลผลิตผันแปรอยู่ในช่วง 291.33 -321.67 กิโลกรัม/ไร่ โดยมีค่าผลผลิต

                       สูงสุด วิธีการที่ 6  ปลูกข้าวไร่ มีแถบชาอัสสัม ที่ระยะห่างคูรับน้ าขอบเขาในแนวดิ่ง 4  เมตร (V.I.=4
                       ม.) มี 321.67 กิโลกรัม/ไร่ รองลงมาคือ วิธีการที่ 7 ปลูกข้าวไร่ มีแถบชาอัสสัมที่ระยะห่างคูรับน้ า
                       ขอบเขาในแนวดิ่ง 8 เมตร (V.I.=8 ม.), วิธีการที่ 3 ปลูกข้าวไร่ มีคูรับน้ าขอบเขาที่มีระยะห่างคูรับน้ า
                       ขอบเขาในแนวดิ่ง 8 เมตร (V.I.=8 ม.), วิธีการที่ 2 ปลูกข้าวไร่ มีคูรับน้ าขอบเขาที่มีระยะห่างคูรับ น้ า

                       ขอบเขาในแนวดิ่ง 4 เมตร (V.I.=4 ม.),  วิธีการที่ 5  ปลูกข้าวไร่ มีแถบหญ้าแฝก ที่ระยะห่างคูรับน้ า
                       ขอบเขาในแนวดิ่ง 8  เมตร (V.I.=8  ม.), วิธีการที่ 4  ปลูกข้าวไร่ มีแถบหญ้าแฝก ที่ระยะห่างคูรับน้ า
                       ขอบเขาในแนวดิ่ง 4 เมตร (V.I.=4 ม.), และวิธีการที่ 1 ปลูกข้าวไร่ ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ า มีค่า
                       เท่ากับ 320.33, 308.00, 241.00, 307.67, 296.67 และ 291.33 กิโลกรัม/ไร่ ตามล าดับ

                              ผลผลิตข้าวไร่เฉลี่ย 3 ปี เมื่อเปรียบเทียบกัน วิธีการที่ 6 ปลูกข้าวไร่ มีแถบชาอัสสัม ที่
                       ระยะห่างคูรับน้ าขอบเขาในแนวดิ่ง 4 เมตร (V.I.=4 ม.) มีแนวโน้มให้ผลผลิตเฉลี่ยข้าวไร่สูงสุด
                       302.67 กิโลกรัมต่อไร่ และ วิธีการที่ 7 ปลูกข้าวไร่ มีแถบชาอัสสัมที่ระยะห่างคูรับน้ าขอบเขาใน

                       แนวดิ่ง 8 เมตร (V.I.=8 ม.) มีแนวโน้มให้ผลผลิตข้าวไร่รองลงมา 298.89 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนวิธีการที่
                       1. ปลูกข้าวไร่ ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ า ให้ผลผลิตข้าวไร่เฉลี่ยต่ าสุด 274.22  กิโลกรัมต่อไร่
                       (ตารางที่ 9) (ภาพที่ 8)
                                 แสดงให้เห็นถึงผลผลิตของข้าวไร่ เปรียบเทียบกันทั้ง 3 ปี ผลผลิตของข้าวไร่ปี 2559 ได้
                       จ านวนผลผลิตรวมมากที่สุด 2,147.67 กิโลกรัมต่อปี รองลงมาผลผลิตของข้าวไร่ปี 2557 ได้จ านวน

                       ผลผลิตรวม 2,096.00 กิโลกรัมต่อปี แต่ผลผลิตรวมข้าวไร่ปี 2558 ได้น้อยที่สุดปี 1,797.30 กิโลกรัม
                       ต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับเก็บข้อมูลปริมาณน้ าฝนในแต่ละวันจากเครื่องวัดฝนแบบ Non-Recording
                       Rain  gage  แบบ Cylinder  Type  ที่ติดตั้งไว้บริเวณแปลงทดลองและปริมาณน้ าฝนรวม ในปี พ.ศ.

                       2557 มีปริมาณน้ าฝนเฉลี่ย 1,565 มิลลิเมตร ฝนเริ่มตกตั้งแต่เดือน มกราคม สิ้นสุดเดือน ธันวาคมมี
                       ปริมาณน้ าฝนเพียงพอส าหรับการเจริญเติบโตของข้าวไร่ หญ้าแฝกและชา ในช่วงแล้งเดือน มกราคม-
                       กุมภาพันธ์ จะมีปริมาณน้ าฝนเพียงเล็กน้อยในปี พ.ศ.2558 มีปริมาณน้ าฝนเฉลี่ย 1,170 มิลลิเมตร
                       ฝนเริ่มตก ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม สิ้นสุดเดือน ธันวาคมในช่วงแล้งเดือน มกราคม-เมษายนไม่มี

                       ปริมาณน้ าฝนแต่ยังพอมีความชื้นในดินอยู่บ้าง ในช่วงเดือน มิถุนายน ซึ่งเข้าสู่ช่วงฤดูฝน จะปลูกข้าว
                       ไร่มีน้ าเพียงพอต่อการเจริญเติบโต แต่ในปี พ.ศ.2558 เป็นปีที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนมาก ทั้ง
                       ในช่วงกลางวันและกลางคืน ในปี พ.ศ.2559 มีปริมาณน้ าฝนเฉลี่ย 1,635 มิลลิเมตร ฝนเริ่มตกใน
                       เดือน พฤษภาคม สิ้นสุดเดือน พฤศจิกายนมีปริมาณน้ าฝนเพียงพอส าหรับการเจริญเติบโตของข้าวไร่
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49